ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม ที่สำคัญของประชาชน
ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
ศาสนาพุทธ
ประชาชนตำบลคลองกวางประมาณร้อยละเก้าสิบนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งมีประเพณี วัฒนธรรมและการปฏิบัติตนตามหลักศาสนาที่สำคัญ ดังนี้
ประเพณีการไหว้ทวด
ประวัติความเป็นมา การไหว้ทวดในตำบลคลองกวางไม่มีใครทราบว่าครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุหลายคนทุกคนตอบเหมือนกันว่า เป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
ความสำคัญ การไหว้ทวดจะมีขึ้นทุกปี ทุกคนในหมู่บ้านจะนับถือทวด ทุกหมู่บ้านจะมีศาลาไหว้ทวด ในแต่ละหมู่บ้านชื่อของทวดที่นับถือจะไม่เหมือนกัน เช่น หมู่ที่ ๑ บ้านนาปรัง จะนับถือทวดหลวงพรหมหรือทวดงู หมู่ที่ ๒ บ้านคลองไข่มุก จะนับถือทวดท่าข้าม หรือทวดเสือ เป็นต้น เกิดจากความเชื่อว่าทวดเป็นผู้ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองลูกหลานในภายในหมู่บ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข หากลูกหลานมีความเดือดร้อนหรือต้องการสิ่งใดก็จะไปบนบานให้ทวดช่วยให้คลายความเดือดร้อนหรือสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วผู้ที่บนบานไว้จะต้องนำสิ่งนั้นมาแก้บนในวันไหว้ทวดของหมู่บ้านไม่เช่นนั้นได้รับความเดือดร้อนเพราะทวดจะลงโทษ
พิธีกรรม การไหว้ทวดจะมีขึ้นในช่วง เดือนหกข้างแรม วันเสาร์ หรือวันอังคาร เมื่อถึงวันไหว้ ก็จะมีหมอทางไสยศาสตร์อันเชิญทวดมาประทับร่างทรงเมือทวดมาแล้วใครจะบนบาน จะขออะไร หรือลูกหลานคนไหนทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกต้องทวดก็จะตักเตือน หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับใครทวดก็จะบอกให้รู้ตัวเสียก่อน
สิ่งที่นำมาเซ่นไหว้ สิ่งที่นำมาเซ่นไหว้ก็คือ พวงมาลัย ข้าวตอก ข้าวเหนียว หรือขนมต่างๆ นอกจากนี้ก็จะมีสิ่งของที่ลูกหลานนำมาแก้บน เช่นหัวหมู เป็ด ไก่ หรือมหรสพต่างๆ เวลาจะถวายทวดก็ต้องจุดธูป เทียน แล้วนำสิ่งของเดินเวียนศาลาทวด 3 รอบ(เดินเวียนซ้าย) และสิ่งที่นำมาไหว้ทวดทุกอย่างจะต้องแบ่งไว้อีกหนึ่งส่วนเพื่อสำหรับไหว้เทวดาด้วย เพราะช่วงเวลาตอนเย็นหรือใกล้ค่ำจะมีการไหว้ชุมนุมเทวดาควบคู่กันทุกครั้งไป
ประเพณีสารทเดือนสิบ
ช่วงเวลา ระยะเวลาของการประกอบพิธีสารทเดือนสิบมีขึ้นในวันแรม ๑ ค่ำถึงแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ แต่วันที่ประชาชนตำบลคลองกวางนิยมทำบุญคือวันแรม ๑๓-๑๕ ค่ำ
ความสำคัญ เป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาวภาคใต้ ที่เชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู่ย่า ตายาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายังชีพ ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง และ
จะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที
พิธีกรรม พิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบ มีดังนี้
๑. การจัดหฺมฺรับ เริ่มในวันแรม ๑๓ ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมซื้ออาหารแห้ง พืชผักที่เก็บไว้ได้นาน ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และขนมที่เป็นสัญลักษณ์ของสารทเดือนสิบ จัดเตรียมใส่หฺมฺรับ
การจัดหฺมฺรับ คือ การบรรจุและประดับด้วยสิ่งของ อาหาร ขนมเดือนสิบลงในภาชนะที่เตรียมไว้ เช่น ถาด กาละมัง เข่ง กระเชอ เป็นต้น ชั้นล่างสุดบรรจุอาหารแห้ง ชั้นสองเป็นพืชผักที่เก็บไว้นาน ชั้นสามเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ขั้นบนสุด ประดับขนมสัญลักษณ์เดือนสิบ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมแต่ละชนิดมีความหมายดังนี้
- ขนมลา เป็นเสมือนเสื้อผ้าที่ให้บรรพบุรุษใช้นุ่งห่ม
- ขนมพอง เป็นเสมือนแพที่ให้บรรพบุรุษข้ามห้วงมหรรณพ
- ขนมกง เป็นเสมือนเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งร่างกาย
- ขนมบ้า เป็นเสมือนเมล็ดสะบ้า ไว้เล่นในวันตรุษสงกรานต์
- ขนมดีซำ เป็นเสมือนเงินตรา ไว้ให้ใช้สอย
๒. การยกหฺมฺรับ ในวันแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะยกหฺมฺรับที่จัดเตรียมไว้ไปวัด และนำภัตตาหารไปถวายพระด้วย โดยเลือกไปวัดที่อยู่ใกล้บ้านหรือวัดที่บรรพบุรุษของตนนิยมไป
๓. การฉลองหฺมฺรับและบังสุกุล เมื่อนำหมฺรับไปวัดแล้ว จะมีการฉลองหฺมฺรับ และทำบุญเลี้ยงพระเสร็จแล้วจึงมีการบังสุกุล การทำบุญวันนี้เป็นการส่งบรรพบุรุษและญาติพี่น้องให้กลับไปยังเมืองนรก
๔. การตั้งเปรตเสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภัตตาหารแล้ว ชาวบ้านจะนำขนมอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้ตามบริเวณลานวัด ข้างกำแพงวัด โคนไม้ใหญ่ เรียกว่า ตั้งเปรต เพื่อแผ่ส่วนกุศลเป็นทานแก่ผู้ล่วงลับที่ไม่มีญาติ หรือญาติไม่มาร่วมทำบุญให้ การชิงเปรตจะทำตอนตั้งเปรตเสร็จแล้ว เพราะเชื่อว่าถ้าหากใครได้กินของเหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จะได้รับกุศลเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง บางวัดนิยมสร้างหลาเปรต เพื่อสะดวกแก่การตั้งเปรต บางวัดสร้างหลาเปรตไว้บนเสาสูงเพียงเสาเดียว เกลาและชะโลมน้ำมันเสาจนลื่น เมื่อเวลาชิงเปรตผู้ชนะคือผู้ที่สามารถปีนไปถึงหลาเปรตซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จึงสนุกสนานและตื่นเต้น
สาระ ประเพณีสารทเดือนสิบมีสาระสำคัญหลายประการ ดังนี้
๑. เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ได้อบรมเลี้ยงดูลูกหลาน เพื่อตอบแทนบุญคุณ ลูกหลานจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
๒. เป็นโอกาสได้รวมญาติที่อยู่ห่างไกล ได้พบปะทำบุญร่วมกันสร้างความรักใคร่สนิทสนมในหมู่ญาติ
๓. เป็นการทำบุญในโอกาสที่ได้รับผลผลิตทางการเกษตรที่เริ่มออกผลเพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
๔. ฤดูฝนในภาคใต้จะเริ่มขึ้นในปลายเดือนสิบ พระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตยากลำบาก ชาวบ้านจึงจัดเสบียงอาหารนำไปถวายพระในรูปของหฺมฺรับ ให้ทางวัดได้เก็บรักษาเป็นเสบียงสำหรับพระภิกษุสงฆ์ในฤดูฝน
ข้อสังเกตุ กับข้าวที่ชาวตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี นิยมใส่ปิ่นโตนำไปวัดคือแกงกะทิยอดเหรง(ปัจจุบันอาจเป็นหน่อไม้) และขนมต้ม ซึ่งเหมือนกันทุกครอบครัวเป็นที่แปลกไปจากเดือนสิบจังหวัดอื่น
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ประชาชนตำบลคลองกวางที่เป็นพุทธสานิกชนก็ปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศานาดังเช่นพุทธสานิกชนโดยทั่วไป ที่สำคัญก็มีวันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา, วันมาฆบูชา, วันเข้าพรรษา, วันออกพรรษา, ประเพณีชักพระ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า หรือ ประเพณีลากพระ
พุทธศาสนิกชน ควรปฏิบัติตนและเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังนี้
๑ ตอนเช้าทำบุญตักบาตรที่วัด รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และเจริญจิตภาวนา
๒ ตอนค่ำประชาชรมาร่วมพิธีเวียนเทียนโดยมาพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถ ในขณะที่เวียน
เทียนให้
๓ ระลึกถึงคุณ
นอกจากวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังกล่าวแล้วยังมีวันธรรมสวนะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า